สายอาชีพ ไม่ตกงาน 2025

เปรียบเทียบอาชีพสายวิทย์ VS สายศิลป์: ใครได้เปรียบ?

อาชีพต่างๆในสมัยที่มี AI ช่วยคิดทางด้านโจทย์ต่างๆ การวิเคราะห์ที่เร็วกว่าคนจะคิดได้ทัน แถม AI ยังสามารถทำงานซ้ำได้ดีกว่ามนุษย์ แถมทำได้แม่นยำกว่าอีก แบบนี้เรียกว่าแทบจะเข้ามาแทนที่คนในทุกอุตสหกรรมกว่า 50% เลย


แบบนี้จะเรียนสายวิทย์ หรือ สายศิลป์ ดีล่ะเนี่ย? จะได้เรียนต่อถูก ไม่ใช่เรียนไปแล้วแจ๊กพอตหวยออกสายที่เรียนมากลายเป็นไร้ประโยชน์ในอนาคต แบบนี้ซวยเลย

อาชีพ

การปรับตัวในยุค AI สำหรับอาชีพทั้ง 2 สาย

สายวิทย์

  • ได้เปรียบ: สายวิทย์ที่เน้นเทคโนโลยี เช่น วิศวกรรมศาสตร์, คณิตศาสตร์, วิทยาศาสตร์ข้อมูล, ปัญญาประดิษฐ์, หรือ การแพทย์ ได้เปรียบอย่างชัดเจนในยุคที่ AI เจริญเติบโตขึ้น เพราะ AI ต้องการ ผู้เชี่ยวชาญ ในการพัฒนา ระบบ AI เอง เช่น Data Scientist, Machine Learning Engineer, หรือ AI Engineer
  • ความต้องการสูง: AI ต้องการการพัฒนาและบำรุงรักษาจากผู้เชี่ยวชาญในด้าน เทคโนโลยี และ วิทยาศาสตร์ อยู่ตลอดเวลา เช่นการพัฒนาอัลกอริธึมที่ซับซ้อนขึ้น หรือการประยุกต์ใช้ AI ในภาคธุรกิจและอุตสาหกรรม
  • งานบางอย่างที่ AI ไม่สามารถทดแทนได้: เช่น การแพทย์ แม้ AI จะสามารถวิเคราะห์ภาพทางการแพทย์ได้ แต่การตัดสินใจในการรักษาผู้ป่วยยังคงต้องการ ความเข้าใจมนุษย์ และการ ประเมินทางจิตใจ ของผู้ป่วย ซึ่งยังคงเป็นหน้าที่ของมนุษย์

สายศิลป์

  • ต้องการการปรับตัวเช่นกัน: อาชีพในสายศิลป์อย่าง นักออกแบบ, นักเขียน, นักวาดภาพ, นักการตลาด อาจจะได้รับผลกระทบจาก AI ในการช่วยสร้างงานศิลปะหรือเนื้อหา แต่ AI ยังไม่สามารถ ทดแทน ความ คิดสร้างสรรค์ หรือ ความเป็นเอกลักษณ์ ของงานศิลป์ที่ต้องการมุมมองและการตีความจากมนุษย์

AI ช่วยเสริมสร้างงาน: ในบางอาชีพ AI กลายเป็นเครื่องมือที่ช่วยเสริมสร้างงาน เช่น เครื่องมือ AI ในการออกแบบกราฟิก หรือ การใช้ AI ในการเขียนบทความ โดยนักศิลป์จะต้อง ปรับตัว โดยใช้ เครื่องมือ AI เพื่อ เพิ่มประสิทธิภาพ และ ความรวดเร็ว ในการทำงานมากขึ้น

อาชีพ

การพัฒนาอาชีพและการเติบโตในสายงาน

สายวิทย์

  • เติบโตได้เร็วในด้านเทคโนโลยี: สายวิทย์ที่เกี่ยวข้องกับ AI, Data Science, หรือ Machine Learning มีแนวโน้มที่จะเติบโตได้เร็วในยุคที่เทคโนโลยีเหล่านี้ก้าวหน้าอย่างรวดเร็ว เพราะเป็น สาขาที่ต้องการทักษะที่สูง และ มีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง
  • การทำงานร่วมกับ AI: ผู้ที่ทำงานในสายวิทย์มักจะต้อง ทำงานร่วมกับ AI เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและความแม่นยำในการทำงาน เช่น วิศวกร AI, นักวิทยาศาสตร์ข้อมูล ที่สามารถใช้ AI ในการวิเคราะห์ข้อมูลและตัดสินใจได้อย่างมีประสิทธิภาพ

สายศิลป์

  • เติบโตตามความสามารถสร้างสรรค์: สายศิลป์ที่เกี่ยวข้องกับ การตลาด, การออกแบบ, การสร้างสื่อ ยังสามารถเติบโตได้จากการที่ใช้ AI เป็นเครื่องมือในการเพิ่มประสิทธิภาพ แต่ ความสามารถสร้างสรรค์ ของมนุษย์ยังคงเป็นจุดเด่นที่ไม่สามารถถูกทดแทนได้
  • AI ช่วยเพิ่มความรวดเร็วและประสิทธิภาพ: เช่น การออกแบบกราฟิก ที่ AI สามารถช่วยให้สามารถสร้างแนวคิดเบื้องต้นหรือปรับแต่งผลงานได้รวดเร็วขึ้น แต่ยังต้องการผู้ที่มี ทักษะความคิดสร้างสรรค์ ในการทำงานต่อเนื่อง

ทักษะที่ AI ไม่สามารถทดแทนได้

สายวิทย์

  • ทักษะการแก้ปัญหาซับซ้อน: แม้ว่า AI จะสามารถทำการคำนวณและวิเคราะห์ข้อมูลได้อย่างรวดเร็วและแม่นยำ แต่ยังไม่สามารถ ทดแทน การใช้ ทักษะการคิดวิเคราะห์ หรือ การแก้ปัญหาซับซ้อน ที่ต้องการ ความเข้าใจในเชิงลึก หรือ ประสบการณ์ของมนุษย์ ได้
  • การตัดสินใจในสถานการณ์ไม่แน่นอน: เช่น การตัดสินใจในภาวะวิกฤติ หรือการทำงานในสถานการณ์ที่ข้อมูลไม่ครบถ้วน ซึ่ง มนุษย์ยังมีความสามารถที่เหนือกว่า AI ในการประเมินสถานการณ์

สายศิลป์

  • ความคิดสร้างสรรค์และการตีความที่ไม่เหมือนใคร: งานในสายศิลป์ต้องการ การตีความ และ การสร้างสรรค์ ที่ต้องสะท้อนถึง ประสบการณ์ชีวิต หรือ อารมณ์ ซึ่งเป็นสิ่งที่ AI ยังไม่สามารถทำได้เหมือนมนุษย์
  • ความสัมพันธ์ทางมนุษย์: การทำงานในบางอาชีพ เช่น การตลาด, การเขียนบท, การสื่อสารมวลชน, ที่ต้องการการ สร้างสัมพันธ์ หรือ การเข้าใจมนุษย์ ยังต้องการมนุษย์ในการเข้าใจลูกค้าและผู้รับสารได้ดี

การใช้ AI ในอาชีพสายวิทย์และสายศิลป์

สายวิทย์

  • AI เป็นเครื่องมือสำคัญ: ในอาชีพสายวิทย์, AI ไม่ได้มาแทนที่มนุษย์ แต่เป็น เครื่องมือ ที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในงานที่เกี่ยวข้องกับ ข้อมูลขนาดใหญ่ หรือ การจำลองทางวิทยาศาสตร์ เช่น การจำลองสภาพแวดล้อม, การพัฒนายา, หรือการคำนวณ
  • การพัฒนา AI: ในด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี, AI จำเป็นต้องการผู้ที่มีความเชี่ยวชาญในการ พัฒนาและฝึกฝน AI เพื่อให้สามารถใช้งานได้เต็มศักยภาพ

สายศิลป์

  • AI ช่วยเสริมสร้างงานศิลปะ: ในสายศิลป์, AI สามารถช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการ ออกแบบ, สร้างสื่อ หรือ เขียนเนื้อหา ได้ดี แต่ยังไม่สามารถทดแทนความ คิดสร้างสรรค์ หรือ การตีความ ของมนุษย์
  • AI ใช้เสริมการทำงาน: เช่น AI ในการช่วยสร้างภาพหรือเสียง หรือแม้แต่ การทำการตลาดอัตโนมัติ ซึ่งทำให้ผู้ที่ทำงานในสายศิลป์สามารถ ใช้เวลาในการสร้างสรรค์มากขึ้น และทำให้กระบวนการทำงานเร็วขึ้น

สรุป: ใครได้เปรียบในยุค AI?

  • สายวิทย์ ได้เปรียบในแง่ของ ความต้องการสูงในสายงานที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยี และ AI, ซึ่งมีอัตราการเติบโตที่รวดเร็วและ ความมั่นคงในอาชีพ ด้วยการพัฒนาเทคโนโลยีและการใช้งาน AI ในงานต่างๆ
  • สายศิลป์ ได้เปรียบในแง่ของ ความคิดสร้างสรรค์ และ การตีความ ที่ AI ยังไม่สามารถทดแทนได้อย่างสมบูรณ์, โดยผู้ที่ทำงานในสายศิลป์ยังคงสามารถใช้ AI เป็นเครื่องมือเสริมในการทำงาน แต่ต้องใช้ทักษะมนุษย์ในการสร้างสรรค์และเข้าใจความต้องการของผู้คน